อสูรกาย เนสซี สัตว์ลึกลับที่ยังหาคำตอบไม่ได้

Nessie-Monster-news-site

ตำนานของมอนสเตอร์ Loch Ness เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อมันมีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นตีพิมพ์ข่าวการค้นพบสุดน่าทึ่ง เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ปี 1993 ของหนังสือพิมพ์ Inverness Courier โดยชาวเมืองคู่หนึ่งได้อ้างว่า “เห็นสัตว์ตัวมหึมาโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ” เรื่องราวของ “สัตว์ประหลาดได้ไปปลุกกระแสความฮือฮาไปทั่วประเทศ กับหนังสือพิมพ์ในลอนดอนที่ส่งผู้สื่อข่าวไปยังสก็อตแลนด์ และคณะละครสัตว์ตั้งเงินรางวัล 20,000 ปอนด์สำหรับการจับสัตว์ตัวนี้ หลังจากรายงานการพบเห็นในเดือนเมษายน 1933 ในหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมความสนใจก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมีคนเห็นมันอยู่บนบก

นับแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีคนหันมาเป็นนักวิจัยสมัครที่คอยเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา ในปี ค.ศ. 1960 มหาวิทยาลัยของอังกฤษหลายแห่งได้ออกเดินเพื่อไปทำโซนาร์สำรวจที่ทะเลสาบ ซึ่งก็ไม่พบข้อสรุปใดๆ แต่ในการสำรวจผู้ปฏิบัติงานในด้านโซนาร์ตรวจพบวัตถุขนาดใหญ่ที่เคลื่อนไหวอยู่ใต้ผิวน้ำอยู่เป็นประจำ ในปี ค.ศ. 1975 ได้มีการเดินทางกลับมาอีกครั้ง รอบนี้ได้นำเทคโนโลยีของการถ่ายภาพใต้น้ำมาผสมกับโซนาร์ เพื่อนำมาใช่สำรวจอย่างละเอียดในทะเลสาบล็อคเนส ภาพถ่ายที่ได้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่คล้ายกับตีนที่คล้ายกับของกบ ซึ่งอาจเป็นของเจ้าอสูรกายเนสซีก็เป็นได้ ต่อมาในปี 1980 – 1990 ได้มีการสำรวจเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยรอบนี้ได้เปิดเผยความจริงที่ว่ารูปถ่ายกลายเป็นต้นกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมดในปี 1934 นั้นเป็นเพียงเรื่องลวงโลกมีจุดประสงค์เพื่อสร้างจุดสนใจให้กับนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาสำรวจตำนานของสัตว์ร้ายที่อยู่ภายในทะเลสาบล็อคเนส

news-Nessie-Monster-site

ตำนานเรื่องเล่าพันปีของเนสซี

ตลอดเวลาที่ผ่านมามีรายงานการพบเห็นมันมากถึง 1,000 ครั้ง ในอดีตเคยมีบันทึกว่ามันเคยปรากฏตัวขึ้นช่วงแรกๆ ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 1,500 ปีก่อน หรือในช่วงปี ค.ศ. 565 มีคำกล่าวอ้างว่านักบวชไอริช Columba ได้เผชิญหน้ากับเนสซีในแม่น้ำเนสที่ไหลมาจากจากทะเลสาบเชื่อมต่อกับทะเลเหนือ นักบวชคนนี้ไม่ได้เพียงแต่พบเห็น แต่ยังได้พูดกับมันอีกด้วย ซึ่งเป็นตำนานเล่าต่อกันมายาวนานกว่า 100 ปี เชื่อกันว่านักบวช Columba ในตอนนั้นได้ให้ความช่วยเหลือพวกของเนสซีจากการถูกจู่โจมจากสัตว์ร้าย ในขณะที่พวกมันปลอดภัยเขาก็ชูไม้กลางเขนขึ้นแล้วกล่าวขึ้นมาว่า “จงอย่าได้เข้ามายุ่งเกี่ยวหรือใกล้ชิดกับมนุษย์ จงหันหน้าแล้วกลับไปในทันที” จากนั้นเจ้าอสูรเนสซีก็ว่ายกลับไปในน้ำจนลับสายตา นี่เป็นสิ่งเดียวที่บันทึกได้จนถึงปี 1520 และในอีก 300 ปีข้างหน้าก็เริ่มมีการพูดถึงเนสซี่เป็นระยะๆ